ภาษาพัฒนาชีวิต - เรียนรู้ภาษาใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด (1)

สวัสดีค่ะ วันนี้จุ๋มอยากมาเปิดตัวห้องศิลปะและภาษาพัฒนาชีวิตในชุมชนออนไลน์ US4THAI Community ของเราสำหรับลูกค้าระดับ VIP ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตในอเมริกา โดยเรื่องแรกที่อยากมาเล่าคือประสบการณ์การเรียนและสอนภาษาของตัวเอง รวมทั้งขอเชิญชวน พร้อมกับเป็นกำลังใจให้ทุกคนเรียนภาษาเพิ่มเติมจากภาษาที่คุณรู้อยู่แล้วค่ะ ทั้งนี้เพื่อความสุข ความเจริญ และความก้าวหน้าทั้งด้านชีวิตและการงานค่ะ

การเรียนภาษาใหม่ไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด เทคนิคการเรียนรู้นั้นง่ายมาก เพียงแค่คุณสร้างสิ่งแวดล้อมรอบกายคุณให้อยู่ในภาษาที่คุณต้องการจะเรียนรู้ จากนั้นก็ทำทุกอย่างโดยใช้ภาษานั้น ๆ ไม่ว่าคุณจะฟัง จะพูด จะอ่าน หรือจะเขียน คุณก็ทำในทุกภาษาที่คุณต้องการเรียน โดยในการเรียนรู้นั้นไม่จำกัดอยู่แต่ภายในห้องเรียน คุณสามารถเรียนรู้ได้ในทุกที่และต้องทำให้ได้อย่างน้อย 5 ชั่วโมงต่อวันเพื่อความต่อเนื่องและเคยชิน ทำได้ทุกแห่งหน แม้กระทั่งเวลานอนหลับค่ะ

ตอนที่จุ๋มอายุ 23 ปี ด้วยความที่รักภาษาและอยากไปเมืองนอก จึงไปสอบแข่งขันเป็นเจ้าหน้าที่การฑูต สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ตอนทำข้อสอบปรนัยนั้นสบายมาก แต่พอเจอสอบข้อเขียนเท่านั้นแหละ มึนตึ๊บเลยค่ะ ข้อสอบไม่ยากนะ แต่ทำไม่ได้ เพราะความสามารถทางภาษายังไม่ดี ขนาดไปลงเรียนเตรียมตัวสอบก็แล้ว ความสามารถยังไม่ถึงขั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่การฑูตกับเค้าได้ พอทำข้อสอบไม่ได้ จุ๋มก็มานั่งคิดเจ็บใจ ง่ายอ่ะ ทำไมฉันยังทำไม่ได้ อ่านเข้าใจ รู้ว่าต้องทำอะไร แต่ก็ทำไม่ได้ เรียนภาษาอังกฤษมา เกรดสี่ตลอด เรียนเสริมกับสถาบันภาษาต่าง ๆ ก็แล้ว ทำไมเราถึงยังทำข้อสอบไม่ได้ คิดวนไปมาแล้วนึกออกว่า สงสัยวิธีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษบ้านเราไม่น่าจะได้ผล ต้องหาวิธีการเรียนด้วยตัวเองเสียแล้ว  คิดได้ดังนั้น จุ๋มก็ไปร้านหนังสือเลยค่ะ เข้าแผนกหนังสือเรียนภาษาอังกฤษ แล้วก็ไปเจอหนังสือของครูเคท ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษกันเข้าไป แต่พูดไม่ได้สักที" ซื้อมาครบชุด ทั้ง 4 เล่มเลย อ่านเล่มแรกแล้วเข้าใจเลยว่า เราเรียนภาษาอังกฤษกันแบบผิด ๆ มาตลอด คือ เราเน้นท่องจำ เน้นไวยากรณ์ แต่ไม่เน้นการใช้งานและสร้างความเข้าใจ พออ่านเล่มสองจบ จุ๋มก็ได้วิธีมาฝึกฝนภาษาด้วยตนเองเลยค่ะ ก็เหมือนตามที่ได้พูดไว้ข้างต้น คือ สร้างสิ่งแวดล้อมรอบกายในเป็นภาษาอังกฤษ และทำทุกอย่างโดยใช้ภาษาอังกฤษนั่นเอง

การเรียนรู้แบบที่ครูเคทแนะนำนั้น เรียกได้ง่าย ๆ ว่าเป็นการเรียนภาษาแบบธรรมชาติ เหมือนตอนที่เราเรียนภาษาไทยตอนเด็ก ๆ นั่นแหละค่ะ คือ ใช้วิธีการซึมซับและเลียนแบบ พูดฟังอ่านและเขียนให้ได้ในระดับเบื้องต้นก่อนแล้วค่อยไปศึกษาไวยากรณ์ เหมือน ๆ กับที่เราพูดภาษาไทยได้ก่อนที่เราจะเข้าไปเรียนหลักภาษาเมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานนั่นเองค่ะ หลายคนคงคิดว่า พูดง่าย แต่ทำยาก เราเป็นผู้ใหญ่แล้วจะให้ซึมซับภาษาง่าย ๆ เหมือนกับเด็ก ๆ ได้อย่างไร ใครอายุน้อยกว่าก็ได้เปรียบใช่ไหม จุ๋มขอบอกว่าไม่จริงคะ ขอเอาเกียรติประวัติในฐานะครูสอนภาษาทั้งไทยและอังกฤษให้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งใบปริญญาบัตร ระดับปริญญาโท ด้านการสอนภาษาอังกฤษให้กับผู้พูดภาษาอื่น หรือ TESOL จากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นประกัน ตราบใดที่เราไม่คิดมากและกลัวทำผิดพลาดจนเกินไป การเป็นผู้ใหญ่เราก็สามารถเรียนภาษาได้ดีและเร็วกว่าเด็ก ๆ เพราะเรามีประสบการณ์ชีวิตและระบบความคิดที่ลึกซึ้งและซับซ้อนกว่า เราสามารถคิดวิเคราะห์และหาความรู้เพิ่มเติมในประเด็นที่เราไม่รู้ได้ โดยทำควบคู่ไปพร้อม ๆ กับการซึมซับแบบเป็นธรรมชาติอย่างที่เด็ก ๆ ทำนั้น มันก็จะช่วยให้สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้เร็วขึ้นกว่าที่พวกเด็ก ๆ จะสามารถทำได้ค่ะ

วิธีการเรียนภาษาแบบเป็นธรรมชาติและการสร้างสิ่งแวดล้อมของภาษาที่คุณต้องการเรียนรู้นั้น เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า immersion (อิเมอ'เชิน) ถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ คุณอยากเรียนภาษาได คุณก็ต้องไปอยู่ในสถานที่ที่คนเค้าใช้ภาษานั้น ๆ แต่ที่จุ๋มแนะนำให้คุณสร้างสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณให้เป็นภาษาที่คุณต้องการเรียนนั้นก็เพราะคงมีใครไม่กี่คนในโลกนี้ที่จะสามารถเดินทางไปเรียนภาษาในทุกประเทศที่ใช้ภาษานั้น ๆ เป็นภาษาแม่ได้ ดังนั้น เราจึงต้องสร้างสิ่งแวดล้อมด้วยตัวเราเอง โดยใช้สื่อและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีอยู่ในรอบตัวเราในปัจจุบันนี้แหละค่ะ จุ๋มลองทำเองแล้ว ทั้งดูหนัง ฟังเพลงก็หัดพูดตามร้องตาม อ่านหนังสือ จดโน้ตต่าง ๆ ก็ทำเป็นภาษาอังกฤษ ผิดถูกก็ไม่สน หาแช็ตกับชาวต่างชาติบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งใช้วิธีพิมพ์เอา เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีการคุยผ่านวีดีโอเหมือนสมัยนี้  การตั้งค่าต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์จุ๋มก็ตั้งเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย ตอนนอนก็มีการเปิดข่าวภาษาอังกฤษทิ้งไว้ ทำแบบนั้นได้หกเดือน จนฝันเป็นภาษาอังกฤษ วันนึงตื่นมา ยังไม่ทันได้ลืมตา ได้ยินข่าวที่เปิดทิ้งไว้ ก็ฟังรู้เรื่องขึ้นมาทันใด ตัวหนังสือภาษาอังฤษวิ่งเหมือนเปิดคำบรรยายใต้ภาพตอนดูทีวี ถึงไม่เข้าใจความหมายทุกคำ แต่ก็รู้ว่าเค้าพูดถึงคำว่าอะไร ทำให้สามารถไปค้นหาความหมายในพจนานุกรมได้ถ้าอยากจะรู้  พอฟังรู้เรื่อง ตอนพูดก็ง่ายแล้วค่ะ เหมือนนกแก้วนกขุนทองเลย คือ จำคำเค้ามาพูด ในที่สุด พอได้เจอชาวต่างชาติตัวเป็น ๆ ก็สามารถสื่อสารได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ในการฝึกภาษาด้วยตัวเองนั้น ก็ไม่เคยได้พูดคุยกับเจ้าของภาษาจริง ๆ แบบต่อหน้า  ถึงแม้ภาษาอังกฤษตอนนั้นจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็คุยกันรู้เรื่อง  ส่วนเรื่องไวยากรณ์ ตอนนั้นจุ๋มทิ้งเลยค่ะ มีเปิดดูบ้างนิดหน่อยแต่ไม่ได้จดจำไว้ในหัวสมอง มาศึกษาเอาจริง ๆ จัง ๆ ก็อีกเจ็ดปีต่อมา ตอนที่ไปเรียนโทที่เมืองซิดนีย์ และต้องไปฝึกสอนที่นั่น แบบว่า วันไหนจะสอนอะไรก็ไปเปิดดูและทบทวนไวยากรณ์ในหัวข้อนั้น ๆ ค่ะ ตอนนี้ก็ฝึกและเรียนภาษาฝรั่งเศสจนได้ดีระดับสื่อสารรู้เรื่อง และกำลังเรียนภาษาเสปนรวมทั้งอิตาลีเป็นภาษาที่ 4 และ 5 ซึ่งก็ใช้วิธีการเดียวกันกับตอนเรียนภาษาอังกฤษ ยกเว้นการฟังตอนนอน เพราะเรียนเอาความเข้าใจและความสนุก ไม่ได้รีบเร่งต้องใช้งานหรืออย่างไร

สรุปแล้ว การเรียนรู้ภาษา เนื่องจากจะเป็นการพัฒนาศักยภาพด้านการสื่อสารและทำงานแล้ว มันยังถือว่าเป็นการยกระดับทางความคิดและความเข้าใจโลกที่กว้างและแตกต่างออกไป จุ๋มจะพูดอยู่เสมอกับทุกคนว่า ภาษาคือกระบวนความคิด การที่เราจะเข้าใจโลก เข้าใจตนเอง และคนชาติอื่นเราต้องเข้าใจว่า ภาษา วัฒนธรรม และชาวต่างชาติเขามีกระบวนการทางความคิดและสื่อสารทางภาษาอย่างไรให้ได้ก่อน พอเราเข้าใจตรงนี้แล้ว การสร้างประโยคและการสื่อสารก็จะง่ายมากขึ้น หากเราคิดแบบไทยและจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ ต่อให้ใช้ไวยากรณ์ถูกต้องแต่ระบอบความคิดไม่ได้ ก็จะสื่อสารยากและผู้ฟังจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเราต้องการสื่ออะไร 

เอาล่ะค่ะ วันนี้เราได้คุยกันเรื่องหลักการเรียนรู้ภาษาแบบง่าย ๆ โดยการสร้างสิ่งแวดล้อมของตนเองไปแล้ว ครั้งหน้าจุ๋มก็จะเขียนเรื่องการวิธีการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ มาฝาก เอาแบบแยกทักษะทั้งฟัง พูด อ่าน และเขียนเลยค่ะ หากสนใจอ่านเพิ่มสามารถสมัครสมาชิกระดับ VIP ของเรา และไปอ่านและพูดคุยกันได้ที่ห้องศิลปะและภาษาพัฒนาชีวิตนะคะ ช่วงนี้เรามีโปร 1 เหรียญสำหรับเดือนแรก และรับสิทธิ์ทำบททดสอบเพื่อวัดระดับความสามารถภาษาอังกฤษของคุณได้ฟรี ส่วนใครที่ยังใหม่กับชุมชนออนไลน์ของเราและยังไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมสมาชิกในแบบ VIP คุณก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกแบบทั่วไปเพื่อใช้งานชุมชนของเราได้ฟรี เพื่อค้นหาและแชร์ข้อมูลหรือประสบการณ์เกี่ยวกับด้านวีซ่า การย้ายถิ่นฐาน และการสร้างชีวิตใหม่ในอเมริกาในห้องอื่น ๆ ได้ โดยไม่จำกัดค่ะ 

การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ไม่จำเป็นต้องรอให้มาถึงมาอเมริกา คุณสามารถเริ่มเตรียมความพร้อมของตนเองก่อนมาได้ หากคุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ หรืออยากแชร์ประสบการณ์ด้านการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรม สามารถโพสต์ถามและแชร์ในห้องนี้ได้นะคะ เราจะได้เรียนรู้และยกระดับชีวิตไปพร้อม ๆ กันค่ะ  

Elevate You.

จุ๋ม จิราพรรณ

Triple E Consulting, LLC

Education, Emigration & Empowerment